7 ศัพท์ไวน์เบสิค ไม่รู้ไม่ได้
1. Aroma (อโรมา) คือ กลิ่นแรก ของน้ำไวน์ที่ได้ก่อนการหมุนแก้ว สามารถบ่งชี้ถึงพันธุ์องุ่นที่ทำไวน์ได้ มักแสดงออกในรูปของพืช ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นสายผัก มีทั้งหวาน เขียว หืน เย็น ขม ฯ ...สายผลไม้เปรี้ยว หวาน สุก ฉ่ำ ร้อน แห้ง ฯ ...สายดอกไม้อย่างกุหลาบ การเวก นมแมว ฯ ...สายถั่วเช่นลูก วอลนัท เฮเซลนัท หรือ อัลมอนด์ ฯ
2. Bouquet (บูเฆ่) คือ กลิ่นสอง ของน้ำไวน์หลังผ่านการหมุนแก้วแล้ว สามารถบ่งชี้ไปถึงกระบวนการผลิตและภาชนะบ่มไวน์ จะออกมาในรูปกลิ่นของปฏิกริยาทางเคมีชีวภาพ อาทิกลุ่มจุลชีวภาพได้แก่ ยีสต์ กรดเปรี้ยว เหงื่อไคล สาปสัตว์ กลุ่มปฏิกิริยาเคมีตั้งแต่กลุ่มน้ำมัน พวกน้ำมันดิน น้ำมันเครื่อง เบนซิน ดีเซล พลาสติก กลุ่มกำมะถัน เช่นกระเทียม ยางไหม้ หัวไม้ขีด ขนสัตว์ชื้น กระดาษเปียก คาวปลา ฯ
นอกจากนั้นยังมีสายกลิ่นไม้ อาทิ วานิลลา ไม้สน ควัน ขนมปังปิ้ง และกาแฟคั่วบดฯ ที่ได้จากโอ๊กโดยตรงแล้ว ยังมีกลุ่มเครื่องเทศเช่น พริกไท กะวาน ชะเอม คาราเมล กลุ่มสายครีมอมหวานอย่างน้ำผึ้ง เนย นมถั่วเหลือง ช็อกโกแลต น้ำอ้อยฯ
3. Fruity (ฟรุ้ตตี้) คือ ความเป็นเนื้อเป็นหนังที่แสดงระดับความเป็นผลไม้เท่านั้น เป็นสัมผัสที่ได้รับจากองุ่นสุกเต็มที่ เป็นความรู้สึกแทนความเป็นผลไม้ทั้งหมดทั้งปวง...ความรู้สึกของความจัดจ้านนี้จะปรากฏในไวน์ที่มีอายุน้อยๆ และจะเริ่มโรยราไปตามอายุที่เพิ่มขึ้นในขวด (ยกตัวอย่างความรู้สึก เช่น ทานส้มสายน้ำผึ้งแล้วก็ควรต้องได้ความชุ่มฉ่ำของเนื้อส้ม)
4. Acidity (แอซิดิตี้)คือ ความสดชื่นที่ได้จากผลทางชีวเคมี และเป็นความสดชื่นที่ไม่ได้มาจากน้ำตาล …Fruity และ Acidity ทั้งสองตัวแยกขาดจากกันไม่ได้ ถ้าผลไม้ไม่สุกอิ่ม ไวน์ก็จะขาดความเป็นผลไม้ คือไม่ Fruity และเมื่อขาดความเป็นผลไม้ Acidity ก็หดหายไป
5. Body (บอดี้) ในภาษาไวน์นั้นหมายถึง “น้ำหนัก” ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักเป็นกิโล แต่เป็นน้ำหนักที่รับรู้ด้วยความรู้สึกในช่องปาก เป็น “ความเต็ม” อันเป็นผลมาจากความเข้มข้นของตัวไวน์โดยตรง ความเป็น Body ในเนื้อน้ำนั้นขึ้นอยู่กับแอลกอฮอล์จริง ๆ ครับ แอลกอฮอล์ยิ่งสูงเท่าไหร่ Body ก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้น
...เราจะสัมผัสความแตกต่างของ Body ที่ชัดเจนได้จากการเริ่มต้นดื่มน้ำเปล่า แล้วจับอารมณ์ Mouth Feeling นั้นไว้ กำหนดให้อารมณ์นั้นเป็น Light-Bodied...จากนั้น เทน้ำแก้วเดิมออกให้เหลือครึ่งหนึ่ง แล้วเติมนมลงไปแทนให้เท่าเดิม ดื่มและจับอารมณ์ตรงนั้น สิ่งที่ได้คือ Medium-Bodied...ส่วน Full-Bodied คุณจะได้จาก “นม” ที่เหลือครับ
6. Tannin (แทนนิน) คือ กลุ่มของสารเคมีที่มีอยู่ตามธรรมชาติในเปลือกของต้นไม้บางชนิด อย่างเช่นอบเชย มีอยู่ในใบชา และในผลไม้อีกหลายชนิดรวมทั้งองุ่นด้วย เมื่อเราผ่าผลองุ่น จะเห็นตรงกลางเป็นเนื้อสีขาวใสหรือชมพูอ่อนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำ...แทนนินจะอยู่ที่เปลือก เมล็ดและก้าน...ทั้งสีทั้งกลิ่นและรสขององุ่นจะอยู่รวมกันที่เปลือกและเส้นใยที่อยู่ระหว่างเปลือกกับเนื้อ
7. Balance (บาลานซ์) คือ ช่วงเวลาที่ไวน์อายุได้ที่พร้อมดื่ม เกิดความสมดุลระหว่างองค์ประกอบสำคัญของไวน์ อันได้แก่ ความจัดจ้านของผลไม้รามือลง แอลกอฮอล์ลดความแหลมคม แทนนินลดความฝาดเฝื่อน พร้อมปลดปล่อยให้แอซิดิตี้สำแดงความสดใส...อย่างไวน์ใหม่ ๆ ความสุกสดหรือจี๊ดจ๊าดของผลไม้จะเดินนำ แอลกอฮอล์ยังคมจัดจ้าน แทนนินมักสูงจนข่มความสดชื่นจากแอซิดิตี้ไว้ไม่ให้มาเสนอหน้า ไวน์ใหม่ๆ จึงมักไม่มี Balance ...พอไวน์อาวุโสขึ้นจนมือไม้สั่นเทา ความอิ่มเอิบของผลไม้เริ่มโรยรา แอลกอฮอล์นุ่มนิ่ม แทนนินนุ่มนวล เหลือไว้ให้แอซิดิตี้สำแดงตนแต่เพียงผู้เดียว
ขอบคุณที่มา : Winescale